ความโหดร้ายในอดีต ปชช.ซิมบับเวถูกเฉือนริมฝีปากและใบหูออก ถูกบังคับให้ไปปรุงเป็นอาหาร และต้องกินมันเข้าไป.

ความโหดร้ายในอดีต ปชช.ซิมบับเวถูกเฉือนริมฝีปากและใบหูออก ถูกบังคับให้ไปปรุงเป็นอาหาร และต้องกินมันเข้าไป.

บอร์ด ความรัก,ความโหดร้ายในอดีตปชชซิมบับเวถูกเฉือนริมฝีปากและใบหูออกถูกบังคับให้ไปปรุงเป็นอาหารและต้องกินมันเข้าไป ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย sickpack สงครามแห่งการปลดปล่อย...หรือเปล่า?ในยุคที่การต่อสู้ ระหว่างแนวคิดเสรีประชาธิปไตย กับฝ่ายโลกคอมมิวนิสต์ ถูกขับเคี่ยวด้วยกำลังทหาร ซึ่งปะทะกันอย่างระอุในภูมิภาคเอเชีย และลาตินอเมริกานั้นเราท่านอาจตั้งมโนภาพ ของสงครามเวียดนามขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก คงเพราะสงครามในเวียดนามนั้น มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์การแตกหักทางความคิดไปโดยปริยายไปแล้ว แต่อยากให้คุณเพิ่มมโนภาพเข้าไปอีกสักเรื่องหนึ่ง มันเป็นเรื่องการแพร่ขยายแนวคิดคอมมิวนิสต์ ของลัทธิเหมาเจ๋อตุงเข้าไปยังดินแดนกาฬทวีป ...โดยการสนับสนุนกองกำลังปลดปล่อยต่าง ๆ ในแอฟริกา เช่น ในโมซัมบิค ที่แทนซาเนีย แซมเบียและที่โรดิเซีย ฯ จะเห็นได้ว่า แนวคิดปฏิวัติสังคมแบบลัทธิเหมา ไม่ได้เป็นใหญ่ในเฉพาะแต่เอเชียเท่านั้น หากแต่มันสามารถแพร่ขยายหรือมีอิทธิพลทางความคิดต่อกลุ่มชนหนึ่งๆ ในประเทศโลกที่สามได้ ที่เป็นเช่นนี้ ก็ด้วยทฤษฎีสามโลก และการหักสัมพันธ์กับโซเวียตรัสเซียประเด็นหลักของเรื่องนี้ที่ผมจะกล่าวถึง คือ ปฏิกิริยาต่อต้านคนผิวขาวในประเทศโรดิเซีย (เดิม) ซึ่งทุกวันนี้คือสาธารณรัฐซิมบับเวไปแล้วความรุนแรงสร้างความหวาดกลัวต่อฝ่ายข้าศึก มันคือผลจากปฏิกิริยาตอบโต้จักรวรรดิ์นิยม ตาม ทฤษฎีปฏิวัติสังคมของเหมา ความรุนแรงสามารถนำมาปรับใช้ได้ในหลายรูปแบบ วิธีการที่ดีที่สุด ที่กองกำลังปลดปล่อยในโรดีเซีย ใช้ในการรักษาหรือแย่งชิงมวลชนเอาไว้ นั่นคือทฤษฎี "รวม หรือ ตาย" ลองพิจารณากันดูนะครับ ว่าชาวแอฟริกันผิวดำเขานำเอาทฤษฎีดังกล่าว ไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม แล้วผลจะออกมาได้ป่าเถื่อนเพียงใด โดยข้อมูลบางส่วนต่อไปนี้ ได้อิงมาจากบทความชื่อ " Anatomy of Terror " โดย Jan Lamprecht นักวิชาการอิสระชาวโรดีเซียเชื้อสายอังกฤษ" ความหวาดกลัวในชนบทของซิมบับเว มันเป็นอย่างไรนั้น โปรดรู้ไว้ ว่ามันไม่ได้แตกต่างไปจากที่เวียดนามเลย " ... พวกเสรีชน ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คนผิวดำคนใดที่ร่วมมือกับคนผิวขาว มันคือผู้ทรยศต่อชาติ ความหวาดกลัวเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องมือก่อปฏิกิริยาตอบโต้ และล้อมคอกคนผิวดำมิให้เป็นมิตรกับพวกผิวขาว"ครับ ทฤษฎีนี้เป็นรูปธรรมอย่างชัดแจ้ง เมื่อมันปรากฎขึ้นบนใบหน้าของ นาย ชิโคมเบ มัสวิด้า (Chikombe Mazvida) เขาถูกเฉือนริมฝีปากและใบหูออก พวกเสรีชนยังบังคับให้เมียของชิโคมเบนำริมฝีปากและใบหูไปปรุง และเธอต้องกินมันเข้าไป...แม้ในปัจจุบันนี้ การปฏิวัติสังคมแบบคอมมิวนิสต์ของเหมา ไม่มีทางผลิดอกออกผลได้อีกต่อไปแล้ว แต่แนวทางการต่อสู้นั้น กลับเป็นตำรายุทธวิธีที่สำคัญ และสร้างปัญหาให้หลาย ๆ ประเทศ ที่กำลังเผชิญปัญหาการก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน อยู่ ณ ขณะนี้...เครดิต : เมื่อมอดไหม้ ไฟสงคราม