บอร์ด ความรัก,ประสบการณชีวิตห่วยๆกับผู้ชายอายุปี ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย warrior Bสมาชิกพันทิป หมายเลข 1918544 ได้แชร์ประสบการณ์ชีวิตมาแบ่งปันให้ชาวเน็ตได้อ่านกัน  โดยได้โพสท์ระบุว่า  ผมขอเล่าประสบการณ์ชีวิตที่เจอเรื่องร้าย และอุปสรรคในการดำรงค์ชีวิตครับ ผมเกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลาง หลังจากเรียนจบก็ได้ทำงานเหมือนคนปกติได้ใช้ ชีวิตเสเพล เที่ยวกินเล่น ปกติของวัยทำงาน ไม่มีเงินเก็บ ไม่สนใจอะไร ใช้ชีวิตแบบนี้จนอายุ 29 ปี ได้ประสบอุบัติเหตุ มีคนขับรถมอเตอร์ไซร์มาชน (เมามาครับ)จนคนขับมอไซค์เสียชีวิต ผมไปไม่ถูกเลย ทำไรไม่ถูกเลย รถก็เสียหายหนักจนคืนซาก แต่ทางตำรวจใช้คำว่า ประมาทร่วมผมต้องรับชดใช้และ แก้ปัญหาอยู่ 6 เดือน เพื่อให้จบปัญหา และก็กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ หลังจากนั้นได้ทำงานที่บริษัทฯใหญ่ที่นึง ในต่างจังหวัด ในวัย 38 ปี พวกคุณเชื่อหรือเปล่าครับ ความซวยในชีวิตยังตามมาอีกวันแรกที่เริ่มงาน ผมได้เกิดโรคชนิดนึงขึ้น คือ “โรคกล้ามเนื้อขาดเลือดเลี้ยงเฉียบพลัน”นอนอยู่บนเตียงห้ามทำอะไรทั้งนั้นอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ และ ก็กลับมาทำงานตามปกติ ต้องทานยาละลายลิ่มเลือดไปอีก 6 เดือน สาเหตุ น่าจะมาจาก บุหรี่ และ กาแฟ ที่หนักมากๆ ก็ทำงานได้ซักประมาณ 8 เดือน ก็เกิดปัญหาขึ้นอีก รถที่ขายดาวน์ไป คนซื้อดาวน์หนีไป ไม่ผ่อนรถอีกเลย ลืมครับ ผมมีรถ  2 คัน (เพราะอยากได้รถใหม่ ใช้ชีวิตประมาท) เครียดอีกต้องผ่อนรถ 2 คันเอง ไม่มีเวลาไปตามรถคืน หลังจากนั้นเกิดเรื่องขึ้นอีก โดนให้ออกจากงานจากการที่หัวหน้าไม่ชอบหน้าบีบให้ออก ผมก็อดทนจนเค้าจ้างออก และ กลับมาใช้ชีวิตในกรุงเทพ โดยอาศัยบ้านแฟนอยู่เพราะไม่มีที่อยู่ เงินก็ต้องผ่อนรถอีกจนได้งานใหม่เงินเดือนน้อยลงอีก แต่ได้มีคนที่รู้จักซื้อรถไปเราก็เบาไปหน่อยหลังจากชีวิตเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นประมาณ 6 เดือน ก็เกิดข่าวร้ายขึ้นอีกจนได้ ต่อมน้ำเหลืองที่คอบวม ก็ต้องคอยไปหาหมอ คอยทานยาเพื่อวิเคราะห์ว่าคือ โรคอะไร และแล้วก็ต้องเจาะก้อนเนื้อไปตรวจ ผลออกมาคือ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ขั้น3 ก็ต้องลางานไปเพื่อ คีโม และ ฉายแสง 35 ครั้ง เช้าไปทำงาน ช่วงบ่ายไปฉายแสงยอมรับครับเหนื่อยและท้อมาก แต่สู้เพื่อเราจะกลับมาปกติ อยากแต่งงานกับแฟน อยากสร้างอนาคตร่วมกับคนที่เรารักเพราะเค้ามีความฝัน และผมก็คิดแบบนั้น แต่รู้หรือเป่าครับ ตลอดระยะเวลาการให้คีโม ผมเดินทางไปคนเดียวทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ผมไปฉายแสง ผมเดินทางไปคนเดียวตลอดเค้าไม่เคยอยู่ข้างผมเลย แม้แต่ครั้งเดียว แต่ผมรักเค้านะเลยไม่คิดอะไรมาก จนจบการรักษา และผมก็ตัดสินใจที่ไม่รักษาต่อ เพราะมันทรมานมาก หลังการรักษาประมาณ 1 ปี ผลข้างเคียงการรักษาเริ่มตามมาหนักขึ้น เมื่อผมได้ไปถอดฟันครุต แล้วเกิดอาการ สภาวะกระดูกกรามตายกระดูกจะหักและค่อยๆหลุด ทะลุออกมาในปากบ้าง ทะลุหักแทงมานอกแก้มบ้าง จนทำให้ปากเบี้ยว ฟันไม่สบเคี้ยวอาหารไม่ได้ พูดไม่ชัด ดำรงค์ชีวิตอยู่ด้วย นม และ ไข่ลวก ทุกวัน ไปหาหมอทีจุฬา ที่คณะเลย ยังไม่มีวิธีการรักษาเลยครับ ก็เสียใจหมดกำลังในการอยู่ อยากจะตายๆละ ในตอนที่เรายังเดิน ยังทำไรได้อยู่ไม่ต้องเป็นภาระใคร แต่เอาน่าก่อนตายไปบริจาคร่างกายทุกอย่าง เพื่อเค้าจะเอาไปทำอะไรที่มีประโยชน์ ก็ได้รับการปัฎิเสธ เพราะผู้ป่วยมะเร็งไม่สามารถบริจาคร่างกาย และอวัยวะ ได้ เพราะที่ได้รับไปอาจติดเชื้อมะเร็งไปได้ จะทำบุญก็มีอุปสรรคอีกเซ็งเลย ก็ใช้ชีวิตทำงาน ทนเจ็บตลอด 24 ชมจนเข้าปี 5 หลังการรักษา มาอีกแล้วเรื่องสะเทือนใจ คนรักมาคุยบอกว่าอยากเลิกกับเรา เพราะคบไปก็ไม่มีอนาคต (เราคบกันมาประมาณ 10 ปี) อยากให้เราย้ายออกจากบ้าน เพราะเผื่ออนาคตเค้ามีแฟนใหม่ เค้าจะได้สบายใจ ผมนี่ตัวเย็นวูบ ขาอ่อนเลย เพราะผมมีเค้าเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว เป็นกำลังให้อยู่ เวลาเค้าป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่หนักๆนอน รพ เป็นอาทิตย์ ผมเนี่ยคนป่วยมะเร็งไปนอนเฝ้า เสาร์ อาทิตย์ เค้ามาผมเนี่ยคนป่วยตื่นแต่เช้า เพื่อไปซื้อข้าวเช้าให้ทาน แต่ทำไมผลตอบแทนเค้าทำกับผมแบบนี้ พวกคุณเชื่อหรือเป่าแฟนผมเป็นคนไม่มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงานคนไม่ชอบทั้งบริษัท แต่ผมพูดกับเค้าว่าไม่ว่าคุณจะถูกหรือผิด ผมจะยืนข้างเค้าเสมอ แต่ผมก็ได้รับการตอบแทนที่พูดไม่ออกแต่ในใจก็คิดแหละครับ ถ้าเค้าเจอคนที่ดีกว่าหรือ สามารถทำฝันเค้าให้เป็นจริงได้ ผมก็ควรยินดีกับเค้า ผมอยากดึงเค้ากลับมานะแต่ผมก็ไม่อยากถ่วงเค้าไว้กับคนที่รอวันตาย ความรักสำหรับผมก็น่าเห็นคนที่เรารักมีความสุขและประสบความสำเร็จในทุกๆเรื่อง มั้งครับขอบคุณเพื่อนๆมากๆ ที่อ่านในสิ่งที่ผมอยากระบายจนจบครับ