บอร์ด ความรัก,กรรมเก่า ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย มารคัส/////ในทางพุทธศาสนา "โลภะ" เป็นกิเลสที่ตัดได้ยากรองจาก "โมหะ"โดยที่ "โลภะ" เป็นกิเลสสำคัญที่สกัดให้ผู้ปฏิบัติธรรมไม่สามารถบรรลุธรรมเหนือกว่าชั้นโสดาบันได้และยิ่งแทบไม่มีทางขึ้นไปถึงขั้นอนาคามีได้เลย เพราะไม่สามารถตัดโลภะให้ขาดได้นั่นเองเดชะบุญที่ผมเป็นคนที่ไม่มีนิสัยโลภมากในเรื่องเงินทองมาตั้งแต่วัจหนุ่ม เพราะผมรู้จักตัวเองดีว่าเป็นคนที่กระหายความรู้ หรือคนที่กระหายวิชา มากกว่าเป็นคนที่กระหายความร่ำรวย.....ว่ากันว่านิสัยของคนเราถูกโปรแกรมไว้แล้วตั้งแต่เด็กตามพันธุกรรมและวิบากกรรมความคิดที่เกิดขึ้นในแต่ละคนจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขาจะคิดเช่นนั้น และ 'กรรมเก่า' ก็มีส่วนลิขิตชีวิตของพวกเขาให้เป็นไปตาม 'วิธีคิด' อย่างเลี่ยงได้ยากอันที่จริง 'วิธีคิด' เป็นนิสัยอย่างหนึ่ง แถมยังเป็นนิสัยส่วนลึกที่เปลี่ยนยาก จนกว่าจะ 'หมดกรรม' หรือเกิด 'ปัญญาชีวิตระดับสูง' พอที่จะดึงตัวเองออกจากนิสัยที่ไม่ดีได้คนที่มี 'วินัยตนเอง' ในการใช้ชีวิตถือเป็นคนที่มี 'ปัญญาชีวิตระดับสูง' ในทางพุทธเดชะบุญที่ "การมีวินัยดี" หรือเป็น 'สุวินัย' คือซิกเนเจอร์ที่เป็นอัตลักษณ์แห่งตัวตนของตัวผมมาตั้งแต่วัยหนุ่มแล้ว....'ความรู้สึก' ในใจเราเกิดมาจากการเหนี่ยวนำของพลังแห่งกรรมเก่าที่ฝังอยู่ในภวังคจิตพลังแห่งกรรมที่แฝงอยู่ในจิตของเรานี้แหละที่เป็นตัวลิขิตชีวิตของเรา หาใช่อำนาจของดวงดาวถ้า 'ความคิด' คือกรรมปัจจุบัน ... 'ความรู้สึก' ในใจเราก็คือกรรมเก่านั่นเองเมื่อใดก็ตามที่เกิด 'ความรู้สึกเชิงลบ' ขึ้นในใจ จงรู้ไว้ด้วยเถิดว่า 'กรรมเก่า' กำลังทำงานของมันเพราะกรรมเก่าใช้ความรู้สึก เป็นเครื่องมือสำคัญในการเอาคืน กรรมเก่ามันทำหน้าที่ราวกับมันมีชีวิตจิตใจ จ้องจะเอาคืนตลอดเวลากรรมเก่าจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า 'เจ้ากรรมนายเวร''ความรู้สึก' จึงกลายเป็นจุดมุ่งหมายของเจ้ากรรมนายเวรหรือกรรมเก่า ที่เข้าไปกระตุ้นความรู้สึกเชิงลบ เพื่อให้การสนองแห่งกรรมประสบผลผู้ใดที่สามารถใช้ความคิด(กรรมปัจจุบัน) กับสติสัมปชัญญะ(ความรู้ตัวที่ออกจากโลกของความคิดได้ชั่วคราว) มาคุมความรู้สึก(กรรมเก่า)ได้ ผู้นั้นย่อมมีโอกาสเหนือกรรมและหมดกรรมได้เดชะบุญที่ผมเป็นคนที่ใช้ "การกระทำมากำหนดความคิด" ของตนเอง และมีดวงตาเห็นธรรมแล้วว่า "ความรู้ตัวคือพุทธะ"คนที่มีสติและมีความรู้ตัวจะคุมความรู้สึกได้เอง......มันเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ ...การเอาชนะ "กรรมของเทรดเดอร์" แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คือการเลิกเทรดอย่างถาวรการเอาชนะ "กรรมของนักการเมือง" แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คือเลิกเล่นการเมืองไปเลยเพราะวงการเทรดเดอร์(นักเก็งกำไร) กับวงการนักการเมือง(ผู้แสวงหาอำนาจ) เป็นสองวงการที่กระตุ้นกิเลสตัณหาโลภะ-โทสะ-โมหะได้มากที่สุด จนจิตใจหาความสงบสุขไม่ค่อยได้การจะอยู่เหนือกรรมจึงมีอยู่ทางเดียวเท่านั้น นั่นคือการเจริญความรู้ตัวให้ตัวเราสามารถหลุดจากความคิด(กรรมปัจจุบัน) และความรู้สึก(กรรมเก่า)ได้บ่อยๆในชีวิตประจำวันจนกระทั่งบรรลุธรรมสุวินัย ภรณวลัย