คบกับแฟนมา 10 ปี และจะแต่งงานเดือนธันวา 2559 แต่กำลังตัดสินใจจะเดินไปบอกเลิกแฟน

บอร์ด ความรัก,คบกับแฟนมาปีและจะแต่งงานเดือนธันวาแต่กำลังตัดสินใจจะเดินไปบอกเลิกแฟน ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย Faithbookสวัสดีค่ะ ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ คบกับแฟนมา 10 ปี อายุห่างกัน 4 ปี เจอกันทาง MSN คุยกันเรื่อย จนมานัดพบกันแล้วเป็นแฟนกัน เค้ามีหน้าที่การงานที่ดีค่ะ คบกันมาตั้งแต่เป็น Staff จนเป็น manager ทั้งคู่ ปัจจุบันมี บ้าน 1 หลัง ที่ช่วยกันซื้อ และรถ 1 คันที่เค้าซื้อเอง เค้าเป็นคนสมถะ ลองอยอยู่ด้วยกันมา8 ปี แล้ว ตั้งแต่เริ่มทำงาน เค้าไม่เคยทำงานบ้านเลย ตัวเราเองก็ยังคงมีความสุขกับการดูแลเค้าในระดับหนึ่ง ณ ตอนนั้นแต่บางทีมันมากไป จนกลับมาคิดว่า บ้านอื่นเป็นไม๊ เปลี่ยนหลอดไฟเอง ยกตู้ขึ้นชั้น 2 เอง ตัดหญ้า ปลูกต้นไม๊ ซักผ้า รีดผ้า ทำกับข้าว ล้างรถ เวลาไปเที่ยวกางเต๊นท์ เราก็เป็นคนกลางเอง เก็บเอง กลางแดด เค้าจะหลบในร่มรอ ด้วยการให้เหตุผลว่า รอให้แดดร่วมก่อน มาตอนเที่ยงรอแดดร่ม คือรอตอนเย็น? มันคือสิ่งที่เราต้องทำเองมาตลอดที่คบกัน ทุกๆเช้าเราจะตื่น ตี4 เพื่อมารีดผ้า ทำกับข้าว เตรียมเสื้อผ้า ให้ ส่วนตัวเค้า แต่งตัวรอที่รถและเร่งเราในเวลาที่เราช้าเรามาจากครอบครัวที่จนมาก คือส่งเสียตัวเองเรียนมาตลอด ทำงานพาร์ทไทม์ ส่งตัวเองเรียนจนจบ ตั้งแต่ ม.3 จนจบปริญญาตรี ส่วนเค้ามาจากครอบครัวชนชั้นกลางที่มีแม่คอยดูแลปรนเปรอให้ทุกอย่าง ทำทุกอย่างให้ตลอดเราเคยออกจากงานมาทำกิจการส่วนตัวเล็กๆโดยใช้เงินเค้าเป็นทุนในการทำ เริ่มแรกกิจการไปด้วยดี เราก็นำเงินดังกล่าวไปซื้อที่ดิน เหลือพอทำทุน แต่สิ่งเค้าพยายามถามคือได้กำไรเท่าไหร่ จะคืนเค้ายังไง ตอนทำร้าน เราต้องตื่นแต่เช้าไปซื้อของแบกของขึ้น 2 แถวเข้าร้านเอง หนักแค่ไหนนึกภาพคนหาบของขายดู เคยขอยืมรถมาซื้อของเค้าตอบแค่ว่ามันทำให้เค้าลำบาก รถจะเลอะ เราก็ต้องยอมสิ่งไม่คลาดฝันคือกิจการล้มเพราะคนเริ่มชา คนไม่ค่อยเข้าร้าน จนต้องขายร้ายทิ้งใช้หนี้เค้าก็เอาแต่ถามว่าเงินทุนเค้าละ เราทำเงินทุนเค้าละลาย โดยที่เค้าไม่เคยคิดว่าเราเคยถอนไปซื้อที่บ้างแล้วนะ และตอนนี้ที่ดินดังกล่าวยังอยู่ แค่ไม่ได้เงินคืน เราทะเลาะกันจนจะเลิกลากันไป แต่ความผูกพันก็ดึงเรากลับมาคบกันจนถึงทุกวันนี้ จนคิดจะแต่งงานกันแต่เราไม่รู้ว่าจะแต่งกันด้วยเหตุผลว่าเราแต่งเพราะอะไร รักกันอยากใช้ชีวิตที่เหลือด้วยกัน หรือเพราะว่าคบกันมานานจนถึงเวลาที่ต้องแต่งงานเราไม่มีการวางแผนแต่งงาน ไม่ได้คิดเก็บเงินแต่งงาน เพราะเค้าบอกว่าไม่มีเงิน เงินเดือน 70K โบนัส 10 เดือน มีหนี้แค่บ้านหลังเดียว ซึ่งช่วยกันผ่อน เราเงินเดือน 40K โบนัส 3เดือน มีหนี้แค่บ้านที่ช่วยกันผ่อน มันเหมือนดูพร้อมทุกอย่าง แต่มันไม่ใช่ เพราะทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานดูเหมือนว่าเราต้องเป็นคนแบกภาระ ถ่ายพรีเวดดิ้งเรารูดบัตรและจ่ายเอง ทุกอย่างที่เหลือรอแค่โบนัสเรา โดยค่าสินสอดฝ่ายชายเอ่ยปากว่าไม่มีเงินนะ จะยืมเงินคนอื่นมาวางก่อน แต่กลัววันงานแม่เราตุกติกหยิบเงินก้อนนั้นไป ใครจะรับบผิดชอบ ก็เลยตกลงว่าจะใช้เงินโบนัสที่เราจะได้ไปวางโดย ค่าใช้จ่ายก่อนหน้าวันงานนั้นให้ใช้บัตรเครดิตรูดไปก่อนเราเอาเรื่องไปคุยกับครอบครัว ทุกคนมองว่า ให้เราตัดสินใจถามตัวเองก่อนว่าจริงๆแล้ว ตอนนี้อยากแต่งงานไม๊ แต่งเพราะอะไร เพราะถ้าแต่งทั้งที่ยังมีคำถามคาใจแบบั้น มันจะส่งผลร้ายในอนาคตเราเลยตัดสินใจแบกเป้เที่ยวต่างประเทสคนเดียวครั้งแรกในชีวิต เป็นครั้งแรกที่ได้ไปไหนคนเดียว ภาษาไม่เก่งแต่เลือกที่จะไปคนเดียว เป็นครั้งแรกที่นอนคนเดียวตั้งแต่คบกันมา เป็นครั้งแรกที่กินข้าวคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว 1 อาทิตย์ในต่างประเทศที่ไม่มีคนรู้จัก ได้อยู่กับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จัก เพราะชีวิตหลังเรียนจบไม่เคยไปไหนกับเพื่อนเพราะติดแฟนมาก คำตอบคือ-----ชีวิตมีอะไรมากกว่าที่เราคิด มีพื้นที่กว้างกว่าที่เราเคยเห็น มีคนมากกว่าผู้ชายหนึ่งคนที่เราเคยนั่งมอง มีภาษาหลายภาษาที่เราควรฝึกพูด การกินข้าวคนเดียวไม่ได้แย่ อย่างน้อยก็ไม่ต้องวิ่งไปซื้อน้ำให้ ไม่ต้องคอยลวกส้อมกับช้อนให้ใคร นอนคนเดียวก็ไม่ได้น่ากลัว อย่างน้อยพื้นที่ก็กว้างขึ้นในการขยับตัว(ตื่นสายได้อีกต่างหาก) ขึ้นเครื่องเองก็ดีนะ นั่งตรงไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องติดทางเดินตลอดเหลือตรงไหนนั่งตรงนั้น สบายดี เดินคนเดียวก็ดีนะ อยากเดินกลางแดด หรือกลางฝนก็ได้ ซื้อของแพงได้นะก็มันเงินเราทำงานเหนื่อยมา ทันทีที่กลับถึงไทย คิดอย่างหนักว่าจะเลือกทางเดินไหน ยิ่งมาเห็นท่าทีที่เค้ามองเวลาเรากลับถึงบ้าน ยิ่งอยากบอกตอนนั้นเลยว่า เราอย่าแจกการ์ดเลยนะ เป็นเพื่อนกันเถอะ สิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่รู้จริงๆว่ามันคืออะไร เราจะแต่งงานเพราะว่าคบกันมานานแค่นั้นหรอ "เราไม่มีความสุขเลย"