ลมใต้ปีก

บอร์ด ความรัก,ลมใต้ปีก ประสบการณ์ช.. เนื้อหาโดย อักษราลัย          เชื่อไหมว่า...ไม่มีใครจะเจอเรื่องเลวร้ายไปซะทุกเหลี่ยมมุม ในท่ามกลางคนร้าย ๆ ก็จะต้องมีคนดี ๆ มาเป็นคนคอยชุบชูใจให้กับเรา ในท่ามกลางความเจ็บปวดก็จะมีแง่มุมดี ๆ ให้เก็บไว้เป็นความทรงจำ ให้เราได้มีพละกำลังก้าวข้ามผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาจนได้ นี่อาจเป็นความมหัศจรรย์ที่เราได้พบเจอ แต่อาจไม่เคยมองเห็นมัน เพราะเลือกมองแต่มุมแย่ ๆ อ่านจบแล้วลองใช้ใจถามตัวเองดูนะคะว่าเราเคยได้รับ “ลมใต้ปีก” จากใครไหม และเราได้เคยเป็น “ลมใต้ปีก” ให้ใครหรือไม่ ?... อักษราลัย ... ลมใต้ปีก             ชมพาน้องลีออนไปหาแม่สมที่บ้านนอกบ่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงที่ข้าวกำลังเขียว มองไปทางไหนก็รื่นรมย์ใจ ชมกับเด็ก ๆ วิ่ง  ไล่จับกันบนคันนาสนุกสนานมาก บางทีก็หาหอยหาปูมาให้แม่ทำอาหารให้กิน ต้มหอยจุ๊บกับส้มตำเผ็ด ๆ ข้าวเหนียวร้อน ๆ เนี่ย อร่อยอย่าบอกใครเชียว ส่วนปูก็เอาไว้ทำป่นเป็นอาหารเย็น แต่ต้องไม่ลืมที่จะเก็บผักบุ้งนาและผักแว่นนามาเป็นผักกับด้วย นี่ก็อร่อยไม่แพ้กัน            ช่วงเวลาที่ข้าวออกรวงเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่งนี่ก็ห้ามพลาดอีกเหมือนกัน ไปลงแขกเกี่ยวข้าวก็เพลินดี แต่ชมเกี่ยวข้าวไม่เก่ง แล้วก็กลัวเคียวมากด้วยเพราะตอนเด็กเคยโดนเคียวเกี่ยวมือ            ช่วงที่ชาวนาสีข้าวเสร็จ ชมมักจะพาเด็ก ๆ ไปเล่นขย่มกองฟาง เล่นวิ่งไล่จับกัน หน้าหนาวนี้ลมแรง เราเรียกว่า “ลมว่าว” ตาหล่อก็จะรับอาสาทำว่าวให้เด็ก ๆ พื้นที่ในทุ่งนา ณ เวลานี้โปร่ง โล่งมาก มีแต่ตอซังข้าวเท่านั้น การเล่นว่าวจึงทำได้แบบอิสระเสรี จะร้องส่งเสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีคนว่า จะวิ่งไปไกลแค่ไหนก็ได้             แม่สมมาขอปลูกกระต๊อบอยู่ในสวนของเรา ห่างไปจากบ้านชมแค่นิดเดียว ประมาณว่าตะโกนไม่ดังมากก็ได้ยินกันแล้ว            ชมเป็นคนรักเด็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอรู้ว่าลูกสาวคนเล็กของแม่อายุแค่ขวบเดียว ชมก็ไปเป็นพี่เลี้ยงให้ (แบบไม่ได้รับเชิญ) ตอนนั้นชมอายุสิบปี เวลาแม่อาบน้ำให้น้องเสร็จชมจะขอเช็ดตัวและปะแป้งให้น้อง เวลาส่วนใหญ่หลังจากชมทำการบ้านและงานบ้านเสร็จก็คือที่บ้านแม่นี่ล่ะ ชมจึงสนิทสนมกับพี่ ๆ น้อง ๆ ลูกของแม่สมทุกคน สนิทมากกว่าพี่น้องจริง ๆ ของตัวเองเสียอีก            ชมเกิดเป็นผู้หญิงไม่ได้เป็นที่ต้องการของแม่และญาติ ๆ ฝั่งแม่เลย ทุกคนบอกว่าชมมาเกิดเร็วเกินไป และมาแบบผิดเพศด้วย “มาทำไมไม่อยากได้ผู้หญิง”...มันก็มีที่มาที่ไปค่ะ ก็เพราะแม่มีลูกผู้หญิงแล้วที่เกิดกับสามีเก่า ตอนที่แม่แต่งงานกับพ่อพี่สาวแค่ขวบเดียว  ส่วนการแต่งงานก็เป็นการคลุมถุงชน ไม่ได้เกิดจากการรักใคร่ชอบพอ หรือการยินยอมพร้อมใจของแม่ แม่เกลียดพ่อเข้าไส้ ในขณะที่พ่อรักแม่สุดหัวใจ ตายายต้องการคนมาช่วยเป็นหลักในการทำนา กิตติศัพท์เรื่องที่พ่อเป็นคนขยันดังไปเข้าหู            คนโบราณไม่ได้มีการคุมกำเนิดแต่อย่างใด พ่อกับแม่อยู่กินกันได้เดือนเดียวก็ตั้งท้อง แม่ก็เฝ้าภาวนาขอให้ได้ลูกชาย พอออกมาเป็นลูกสาวเลยผิดหวังจนเก็บอาการไม่อยู่ น้อง ๆ ของแม่ก็ผิดหวังมากพอกัน            เคราะห์ซ้ำกรรมซัดชมเป็นคนตัวดำมาก สันจมูกมีมานิดหน่อย (ตระกูลแม่จมูกโด่งเป็นสันทุกคน เป็นตระกูลคนหน้าตาดีเป็นที่ร่ำลือหัวบ้านท้ายบ้าน) หัวหยิก ขี้เหร่และเป็นเด็กเลี้ยงยาก (มาทราบทีหลังว่าชมเป็นพาหะโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย-ได้มาจากพ่อ-ทำให้สามวันดีสี่วันไข้)            พี่สาวต่างพ่อที่ตอนชมเกิดอายุได้สองขวบพอดีนั้นเป็นคนผิวขาว ผมตรงสวย จมูกโด่งเป็นสัน หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม คือไม่ต้องบอกคนก็รู้ว่าพี่น้องสองคนนี้ลูกคนละพ่อ            พื้นจิตใจเราก็ต่างกันฟ้ากับเหวเช่นเดียวกันกับรูปร่างหน้าตา พี่สาวเป็นคนใจคอคับแคบ เห็นแก่ตัวจัดและมีจิตริษยาแรง ชมเป็นคนขี้สงสาร เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สมองเราก็ต่างกันอีก พี่สาวเป็นคนเรียนอ่อนมาก ตอนเรียนมัธยมติด 0 ตัวแดงเพียบ ในขณะที่ชมเรียนได้ที่หนึ่งตลอดมา ได้ทุนเรียนดีแบบแม่ไม่เคยต้องจ่ายค่าเทอม ค่าชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนเลย เป็นทุนจากประเทศญี่ปุ่นที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียนทุกอย่าง ยกเว้นค่าอาหารกลางวัน (ชมถึงไม่เคยได้กินอาหารกลางวันที่โรงเรียนตลอดมัธยมศึกษา-แม่ให้เงินค่าอาหารกลางวันพี่สาวและน้องชายเท่านั้น-ชมได้แต่ค่ารถอย่างเดียว)            ด้วยความที่ชมไม่ได้เป็นที่ต้องการของแม่และน้อง ๆ ของแม่ และพี่สาวก็เป็นคนมีจิตริษยา ชมจึงถูกข่มเหงรังแกตลอดมาตั้งแต่จำความได้ การข่มเหงทางด้านร่างกายก็มีเฆี่ยนตี ให้อดข้าว ให้ทำงานหนักเกินตัว ทั้งงานบ้านและงานในไร่นา..งานบ้านก็หนักมากเพราะสมัยก่อนไม่ได้มีเครื่องซักผ้า เราต้องซักมือ ต้องซักเสื้อผ้ากองเท่าภูเขา น้ำกินน้ำใช้ก็ต้องเอารถไปเข็นเอาตามบ่อ ตามสระ ถนนก็เป็นถนนลูกรัง            การข่มเหงทางด้านจิตใจก็คำพูดด่าทอ ประณาม เหยียดหยาม เย้ยหยัน ประจาน ตั้งฉายาแบบเจ็บแสบให้ ไม่ให้พี่ ๆ น้อง ๆ มาเล่นด้วย แม่เคยไม่พูดกับชมเป็นเดือนก็มีมาแล้ว มันทรมานมาก            การข่มเหงทางด้านจิตวิญญาณ แม่บังคับให้เปลี่ยนศาสนาตามแม่            ครั้งหนึ่งตอนอยู่ที่นา ตอนนั้นน่าจะประมาณสิบขวบ ชมไปนั่งที่ขอบสระ ชมรู้ว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น ถ้าโดดลงสระที่ลึกขนาดนี้ ก็คงได้ตายสมใจ ขยับตัวจะกระโดดหลายครั้ง แต่ใจไม่กล้าพอ   จำไม่ได้ว่านั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน รู้แต่ว่าร้องไห้จนน้ำตาไม่มีจะไหล ไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี จะตายก็ไม่กล้าพอ จะอยู่ต่อก็เจ็บปวดเกินรับไหว แล้วจะเอายังไงล่ะกับชีวิตบัดซบนี้            และแล้ววันหนึ่งฟ้าก็เมตตา ก็วันที่แม่สมมาปลูกกระต๊อบที่สวนของชมนั่นล่ะ ผู้หญิงคนนี้ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ พูดจากับชมเป็นมธุรสวาจาภาษาดอกไม้ ชมว่าสวยน่ารัก ชมว่าเก่งและฉลาด ชมว่ามารยาทงาม ไม่เคยมีใครชื่นชมชมแบบนี้มาก่อนเลย มันรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้น วิ่งแจ้นกลับบ้านรีบไปดูกระจกที่แขวนอยู่ตรงเสาบ้าน....ส่องแล้วส่องอีก ยิ้มแล้วยิ้มอีก .. “เราสวย เราเป็นคนสวย”             ทุกครั้งที่โดนเฆี่ยนจนเลือดไหล ชมจะวิ่งไปหาแม่สม แม่จะกอดปลอบขวัญ พร้อมหายามาทาให้ ทุกครั้งที่หิวจนแสบไส้ ไปบ้านแม่จะได้กินอิ่ม แม้ว่าแม่จะยากจนและมีลูกหลายคน แต่ชมได้กินอิ่มเสมอ ไม่ใช่แค่อิ่มท้อง แต่อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มความรักความเมตตาเป็นของแถมมาด้วยทุกครั้ง            “แม่คะ...ชมอยากตาย ชมจะไปโดดน้ำตาย ชมทรมานเหลือเกิน ไม่มีใครรัก ไม่มีใครต้องการชม แล้วชมจะอยู่ให้พวกเขาข่มเหงรังแกทำไม ชมมาลาแม่”            “ไม่ได้เด็ดขาด .... แม่ไม่ยอม แม่รักชมมากนะ แม้ชมจะไม่ใช่ลูกที่แม่คลอดออกมา แต่แม่รักชมจากใจจริง ...ถ้าชมฆ่าตัวตายแม่จะไม่ให้อภัยชมเลย”            พูดจบแม่สมก็จับมือชมขึ้นมา แล้วก้มลงมองเท้าชมอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วพูดว่า “ตอนเป็นสาวรุ่น แม่เคยไปทำงานบ้านพวกคุณหญิงคุณนายที่กรุงเทพเมืองอมร มือตีนของพวกเขาเหมือนของชมไม่มีผิดเพี้ยน แม่รู้ว่าชมจะไปได้ไกล และไปได้สวยมากอยู่นะลูก เชื่อแม่นะ”             ความใจดีมีเมตตาของแม่สมทำให้ชมยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้ และอยู่อย่างดีงามด้วย คำพูดของแม่สมในวันนั้นทำให้ชมมีความหวัง มีกำลังใจ ผลักดันให้ชมก้าวต่อไปได้แม้ในใจจะหวาดหวั่นเพราะหนทางข้างหน้าดูมืดมนเหลือเกิน            การที่แม่สมดีกับชมทำให้แม่สมลำบากเดือดร้อนไม่เบา เพราะไม่นานแม่ผู้ให้กำเนิดชมก็ไล่แม่สมและครอบครัวออกจากสวนของเรา ที่จริงแล้วแม่สมไม่จำเป็นต้องมาอะไรกับชมก็ได้ แต่แม่สมก็ทำ...แม่สมยอม “เป็นลมใต้ปีก” ให้ชม เพื่อที่จะส่งชมให้สูงเต็มศักยภาพที่มี ในขณะที่คนอื่นได้แค่มองอย่างสมเพชเวทนา หรือหนักสุดก็สมน้ำหน้า            วันนี้ชมเป็น “ลมใต้ปีก” ของใครหลายคน ชมทำเท่าที่ชมจะทำได้ ชมสอนสนทนาภาษาอังกฤษให้เด็ก ๆ บางคนที่พ่อแม่ไม่มีเงินชมก็สอนให้ฟรี ถ้าเขาสนใจจริง ๆ            ชมเจอใครชมก็ส่งยิ้มไปก่อนเลย พูดจากับใครก็ให้ความจริงใจและไพเราะอ่อนหวานเข้าไว้            เวลาชมจะคอมเม้นท์อะไร ชมจะตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันดีงาม สร้างสรรค์และเป็นบวก             ลองถามตัวเองดูนะว่า             “วันนี้ใครเป็นลมใต้ปีกของคุณ และคุณกำลังเป็นลมใต้ปีกของใคร”