พ่อแม่เศร้า ลูกสาวขี้โรคป่วยหนัก 10 ปี อึ้ง! หมอเตรียมส่งโรงพยาบาลบ้า ฮึดสู้รักษาตัวเองจนหาย

บอร์ด ความรัก,พ่อแม่เศร้าลูกสาวขี้โรคป่วยหนักปีอึ้งหมอเตรียมส่งโรงพยาบาลบ้าฮึดสู้รักษาตัวเองจนหาย ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย popangel          อโรคยา ปรมาลาภา…การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แม้ว่าใครจะมีเงินทองกองท่วมหัว แต่ก็ไม่อาจซื้อสุขภาพที่สุขสมบูรณ์ไปได้ตลอดกาล และไม่มีใครบนโลกใบนี้ ที่หลีกหนีความเจ็บป่วยไปได้ ยิ่งถ้าเป็นคนที่เรารักต้องมาเจ็บป่วย คนรอบๆ ข้างโดยเฉพาะคนเป็นพ่อเป็นแม่ กลับยิ่งต้องทุกข์ใจทุกข์กายกว่าหลายร้อยเท่า เหมือนกับเรื่องราวของนักธุรกิจสาวคนเก่งไฟแรงคนเก่ง แพร์ ฤดีมาศ ตะวันเย็น ที่ทุกวันนี้ภาพลักษณ์ของเธอดูเป็นสาวมั่น สาวเก่ง ที่สดใสร่าเริง แต่ใครจะรู้บ้างว่าถ้าย้อนเวลาไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เธอคือเด็กผู้หญิงขี้โรค ที่ต้องวิ่งเข้าวิ่งออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น และพ่อแม่ต้องคอยดูแลเธออย่างใกล้ชิด เพราะเป็นโรคเครียดสะสม ที่สร้างความทรมานให้กับร่างกาย จนเธอต้องฮึดสู้กับความเจ็บปวดของโรคนี้นานกว่าสิบปี และคิดค้นวิธีที่รักษาตัวเองจนหายจากอาการข้างเคียงของโรค และทำให้คนในครอบครัวของเธอ กลับมายิ้มออกอีกครั้ง หลังจากที่ต้องทนกับความทุกข์มาโดยตลอด          “ย้อนไปเมื่อสมัยมัธยมปลาย ตัวแพร์จะเป็นเด็กผู้หญิงที่ขี้โรค ผอมแห้งแรงน้อย แล้วจะเป็นลมบ่อยมาก คือจะรู้กันทั้งโรงเรียนเลยค่ะ ถ้าจุดไหนในโรงเรียนวุ่นวาย มีไทยมุงเกิดขึ้น คือแพร์เป็นลมอีกแล้ว ช่วงนั้นพ่อกับแม่ก็จะพาแพร์ไปหาหมอตลอด แล้วอาการก็แพร์ก็เริ่มเป็นหนักขึ้นเรื่อย ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลทุกๆ เดือน เหมือนมันเป็นโรคเครียดสะสม แล้วฮอร์โมนในร่างกายก็จะผิดปกติ คือมีฮอร์โมนเพศชายเยอะ บางครั้งผ่านไป 3-6 เดือน ประจำเดือนก็ยังไม่มา แล้วจะชอบปวดท้องแบบทรมาน ปวดจนเป็นลมไปเลย ปวดท้องแบบกินอะไรก็อ้วกออกมาหมด นอนโรงพยาบาลก็ให้แต่น้ำเกลือ คือโรงพยาบาลเป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง แพร์นอนโรงพยาบาลมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 โรงพยาบาล ที่ไหนเขาว่ารักษาดี รักษาหาย พ่อกับแม่ก็จะพาไปรักษาหมดแล้ว จนเป็นหนี้เป็นสินเยอะมาก แพร์เป็นแบบนี้ตั้งแต่มัธยมปลาย จนไปถึงเรียนมหาวิทยาลัยเลย แต่คุณหมอก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ ว่าทำไมเวลาแพร์เครียด แล้วจะมีอาการหนักขนาดนี้          แต่ที่อึ้งที่สุดมีคุณหมออยู่ท่านหนึ่ง บอกว่าแพร์ป่วยเป็น โรคจิต เป็นบ้า ชอบเรียกร้องความสนใจ ด้วยการแกล้งป่วย ทั้งๆ ที่วันนั้นแพร์ปวดท้องมาก เหงื่อแตกไปทั้งตัว คุณหมอถึงขนาดจะส่งตัวแพร์ไปรักษาที่โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยทางจิต คือ ทุกคนในครอบครัว และตัวแพร์ก็งงมาก ทำไมคุณหมอถึงวินิจฉัยแบบนี้ ทั้งๆ ที่ตัวแพรเป็นลูกคนเดียวของบ้าน ไม่มีพี่ ไม่มีน้องให้อิจฉา แล้วแพร์ก็รู้ตัวเองดีว่าเรามีสติครบถ้วนทุกอย่าง ช่วงที่แพร์อยู่โรงพยาบาล เป็นอะไรที่ทรมานมาก แพร์ปวดท้องหนักจนร้องอาละวาดโวยวายลั่นห้อง คือตอนนั้นอยากจะให้หมอฉีดยาให้ตายๆ ไปเลย แล้วสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลก็ย่ำแย่มาก แพร์ต้องนอนห้องรวม แล้วคนไข้เตียงข้างๆ แพร์แต่ละคนก็มาแบบชีวิตรันทนทั้งนั้น มารักษาเพราะกินยาฆ่าตัวตาย บางคนจะผูกคอตาย คือสภาพแวดล้อมที่อยู่มันไม่โอเคเลย แล้วพ่อกับแม่ก็ต้องไปเฝ้าแพร์ที่โรงพยาบาลทุกวัน แพร์ต้องเห็นภาพแม่นั่งฟุบอยู่ข้างๆ เตียงตลอด พอหมดเวลาเฝ้าพยาบาลเขาก็จะมาไล่ให้แม่กลับบ้าน พอแพร์อยู่คนเดียว แพร์ก็จะคิดมาก มันก็ยิ่งทำให้แพร์ทุกข์หนักเข้าไปอีก ว่าทำไมเราต้องมาเป็นโรคอะไรแบบนี้ด้วย          แล้ว เรื่องที่แพร์อายมากที่สุด เก็บไว้เป็นความลับมาตลอด พ่อกับแม่ก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย คือช่วงที่แพร์ป่วยแล้วฮอร์โมนผิดปกติ ขนตามแขน ตามขา แพร์จะขึ้นมาเยอะมาก แล้วแพร์รับตัวเองไม่ได้เลย แพรจะโกนขนตลอดจนกลายเป็นขนคุด เป็นจุด เป็นก้อนดำๆ คือเป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม จนเข้ามหาวิทยาลัย แพร์ก็ยังต้องโกน บางครั้งโดนเพื่อนผู้ชายแกล้ง มาเปิดกระโปรง เพราะสมัยเรียนแพร์จะใส่กระโปรงยาวๆ ปิดขาไว้ไม่อยากให้ใครเห็น พอพวกผู้ชายมันเห็นขาเรา เป็นจุดด่างๆ ดำๆ มันก็มาล้อใหญ่เลย ว่าทำไมขาเป็นแบบนี้ แพร์ถึงขั้นซื้อน้ำยามาแวกซ์ขน กัดสีขนเอง แล้วเกิดเป็นผื่นแดง ผิวลอก ทั้งแขน ทั้งขา เลยตัดสินใจปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่าถ้าแพร์ยังทำแบบนี้อยู่ ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ คือชีวิตแพร์ก็จะมีอยู่แค่นี้ไม่ป่วยเข้าโรงพยาบาล ก็ต้องโกนขนแขนขนขา อย่างช่วงที่รับปริญญาตรี ก็ต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วพ่อเขาก็กลัวว่าแพร์จะเครียด ที่ไม่ได้รับปริญญาพร้อมเพื่อน เขาก็พาแพร์ออกจากโรงพยาบาลไปซ้อมรับจนได้รับวันจริง แต่ก็ไปแบบป่วยๆ เพื่อนถ่ายรูปกันเฮฮา ตัวแพร์นอนซมอยู่ที่พื้น ไม่มีภาพความสวยงามของงานรับปริญญาใดเลยๆ         จนแพร์ได้มาเรียนปริญญาโท แพร์เคยมีความฝันว่าอยากเป็นนักการเมือง แต่ดูสภาพตัวเองแล้วแพร์จะช่วยใครได้ คือเรียนไปก็ป่วยไปด้วย พอจบปริญญาโท ก็ไม่ได้รับปริญญาเหมือนเดิม ชีวิตแพร์ไม่มี รูปรับปริญญาสวยๆ เลย ช่วงนั้นแพร์ก็เริ่มมองหางานทำ ก็โดนคนดูถูกด้วยนะคะว่าสภาพแบบนี้จะหางานทำได้หรอ ใครจะรับเข้าทำงาน แล้วแพร์ก็ได้มาทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง แต่ทำงานได้ 15 วันก็ป่วยเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล ตอนแรกหัวหน้าเขาก็บอกว่า ไม่มีปัญหา ลาป่วยได้ รักษาตัวไปก่อน แต่สุดท้ายเขาก็เรียกแพร์ไปคุย แล้วเชิญแพร์ออกจากงานเลย แต่แพร์ก็ได้เงินเดือนครั้งแรกแบบเต็มๆ คือ 18000 บาท แพร์ดีใจมาก คือมันเยอะมากสำหรับเรา แพร์ให้แม่หมดเลย จนลืมว่าเราตกงานแล้วนะ จนแพร์ไปเข้าสู่วงการขายตรง ช่วงนั้นชีวิตแพร์ดีขึ้นมาก อาการป่วยก็ค่อยๆ หายไป อาการปวดท้องก็ไม่ค่อยมา เพราะพออยู่กับคนเยอะๆ เราก็สนุก เพราะทุกๆ คนที่ไป ต่างก็คิดบวก มีทัศนคติที่ดีต่อกัน แต่ตัวแพร์ไม่สามารถหาคนมาต่อสายได้เลย แพร์ก็เลยไม่มีประโยชน์กับเขา เราก็เลยออกมาจากจุดนั้นดีกว่า          ช่วงนั้นแพร์ก็จะว่างงาน ไม่มีอะไรทำ ก็คิดว่าจะหาอะไรทำดี แล้วก็รักษาตัวเองไปด้วย จริงๆ คุณพ่อเขาชอบพวกงานสมุนไพร งานเกษตร แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เขาจะชอบปลูก นั้นปลูกนี้ คือจะเป็นที่ดินของที่บ้านเลย แพร์ก็เลยลองเอาข้าว เอาถั่ว ที่คุณพ่อปลูก มาทำเป็นสครับข้าว สครับถั่ว แล้วมาผสมกับน้ำนมเข้มข้นที่แพร์ได้มา แพร์ก็เลยลองเอาแล้วพอกแขนพอกขาตัวเองดู ปรากฏว่าแขนขาแพร์จากที่เป็นจุดด่างดำขนคุดก็หายไปหมดเลย คือสิ่งของพวกนี้มันอยู่ใกล้ตัวแพร์มาก แต่แพร์ไม่เคยใส่ใจสนใจมันเลย กลายเป็นว่าสิ่งที่พ่อมี สิ่งที่แพร์ชอบ ทำให้กลายเป็นธุรกิจแบบเล็กๆ ภายในครอบครัว จากเงินติดตัวของแพร์เองที่มีแค่ 2,000 กว่าบาท คุณแม่ยังชั่งใจเลยว่าทำแล้ว มันจะขายได้เลยหรอ แพร์ก็ไม่ซีเรียสนะคะ คือขายไม่ได้ ยังไงเราก็ใช้เอง ปรากฏว่าเดือนแรกขายได้ 50,000 กว่าบาท ตอนนั้นดีใจมากๆ ไม่คิดว่าจะได้เกินหมื่นด้วยซ้ำ ปัจจุบันนี้แพร์ก็ค่อยๆ เรียนรู้ ปรับปรุง ขยับขยายธุรกิจขึ้นมาเรื่อยๆ ก็มีตัวแทนนิดหน่อย ซึ่งเป็นตัวแทนที่ใช้ของเราจริงๆ เพราะเราอยากให้ตัวแทนสามารถอธิบายสินค้าของเราได้ ไม่ใช่เอาไปวางไว้เฉยๆ แล้วแนะนำอะไรไม่ได้ ทุกวันนี้ครอบครัวแพร์ก็ยิ้มได้กว้างขึ้น และความสุขมากกว่าเดิม ความทุกข์ที่พ่อกับแม่สะสมมาเป็นสิบๆ ปี ก็ค่อยๆ หายไป โรคเครียด ฮอร์โมนระบบต่างๆ ในร่างกายที่ของแพร์ที่เคยแปรปรวน สุดท้ายแพร์ก็ได้คำตอบว่าวิธีการรักษาที่ดีสุด คือเราต้องหาความสุขให้ตัวเองและคนรอบๆ ข้าง ถ้าเขามีความสุขเมื่อไหร่ นี่ละคือภูมิต้านทานในการรักษาโรคที่ดีที่สุดสำหรับตัวเรา          ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ของคุณแพร์ ฤดีมาศ ตะวันเย็น เจ้าของเฟสบุ๊ค Tawanyen Yen