กรรมฐานในฝัน : ฝันตื่นหนึ่งของลื่อทงปิน

บอร์ด ความรัก,กรรมฐานในฝันฝันตื่นหนึ่งของลื่อทงปิน ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย มารคัสกรรมฐานในฝัน : ฝันตื่นหนึ่งของลื่อทงปิน////////ลื่อทงปิน (呂洞賓) คือหนึ่งในแปดเซียนผู้วิเศษของจีนลื่อทงปินเป็นคนสมัยราชวงศ์ถัง เดิมทีนั้นเขาสนใจแต่จะแสวงหาความก้าวหน้าในราชการ เมื่อเขาได้เป็นนายอำเภอสมใจแล้ว เขาเองก็ไม่มีความคิดที่จะเข้าวิถีจิตวิญญาณแต่อย่างใด ... ทั้งๆ ที่ตัวเขานั้นมีวาสนาและบารมีที่จะบรรลุธรรมสำเร็จเต๋าได้ในชาตินี้ครั้งหนึ่งระหว่างที่ลื่อทงปินเดินทางไปตรวจราชการ เขาได้แวะพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองหานตาน ที่นั่นเขาได้พบกับนักพรตจงหลีฉวนผู้เห็นแววในตัวเขาทั้งคู่จึงได้สนทนากัน นักพรตจงหลีฉวนพยายามชักชวนให้ลื่อทงปินละทางโลก เพื่อแสวงหาเต๋าหรืออภิมรรคอันแท้จริง แต่ลื่อทงปินก็ยังไม่คล้อยตามระหว่างที่คุยกันไปรอข้าวสุกไป ลื่อทงปินเกิดผลอยหลับไปในความฝัน ลื่อทงปินสอบจอหงวนผ่านได้เข้ารับราชการ เจริญก้าวหน้าในอาชีพขุนนางอย่างรวดเร็วในตำแหน่งที่หลายคนล้วนปรารถนา ชีวิตช่างเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ ... เขาได้แต่งงานกับบุตรีของตระกูลร่ำรวยผู้งดงาม มีบุตรชายกับบุตรสาว ครอบครัวแสนสุขี ต่อมาเขายังก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จนได้รับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี ... ทั่วหล้านี้มีแต่คนซูฮกยกย่อง เขามาถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้วแต่เพราะมีคนริษยา ใส่ความเขาว่าคิดไม่ซื่อต่อบ้านเมือง จนเขาถูกปลดจากตำแหน่ง ถูกริบทรัพย์ ถูกไล่ล่า บ้านแตกสาแหรกขาด ระหว่างหลบหนี ลูกๆและภรรยาก็ยังถูกคนฆ่าตายไปอีกตัวเขาเองในท้ายที่สุดต้องกลายเป็นยาจก ร่อนเร่ขอทานไปตามท้องถนน ชีวิตน่าเวทนา จากสูงเกือบถึงฟ้า ตกลงมาต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้ภายในเวลา 50 ปีเท่านั้นเมื่ออยู่เพียงลำพังอย่างอ้างว้าง เขาหวนนึกถึงชีวิตที่ผ่านมาช่างแสนรันทดยิ่งนักทันใดนั้นลื่อทงปินก็ตื่นขึ้น พลันพบว่าชีวิตอันยาวนาน 50 กว่าปีที่ดูจริงมากๆในความฝันนั้น ที่แท้เป็นแค่ความฝันตื่นหนึ่ง ชั่วเวลาเพียงข้าวเหลืองหุงสุกเท่านั้นเองลื่อทงปินใคร่ครวญแล้ว เห็นว่าโลกธรรมทั้งหลายเป็นเพียงแค่ฝันตื่นหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่าง ติดตามท่านนักพรตจงหลีฉวนไปบำเพ็ญเพียรที่ภูเขาจงหนานซาน จนสำเร็จเป็นเซียน แล้วห้อยกระบี่ท่องทั่วแผ่นดิน คอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากตำนานเรื่องนี้เรียกว่า "หวงเหลียงเมิ่ง" หรือฝันข้าวเหลือง เพราะชั่วเวลาหุงข้าวเหลืองสุกก็ทำให้คนผู้หนึ่งผ่านชีวิตทั้งชีวิตในความฝันได้ จนตระหนักถึงอนิจจังหรือความไม่เที่ยงของชีวิต ข้าวเหลืองเป็นธัญญาหารหลักของชาวจีนภาคเหนือ ซึ่งปลูกข้าวเจ้าไม่ได้ผลดีนัก จึงมักกินข้าวเหลือง ข้าวฟ่างแทนลื่อทงปินเป็นหนึ่งแปดเซียนของศาสนาเต๋าก็จริง แต่ลื่อทงปินยังมีปณิธานของพระโพธิสัตว์ด้วย เพราะจริงๆแล้ว ลื่อตงปินเป็นนิรมาณกายของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (กวนอิม)คราวที่อาจารย์จงหลีฉวนสำเร็จวิชาเซียนขั้นสุดท้าย เตรียมจะทลายนภา ทะลุมิติขึ้นสวรรค์ไปด้วยกายทิพย์อาจารย์จงหลีฉวนได้กล่าวกับลื่อทงปินว่าสักวันเจ้าจักสำเร็จอย่างอาจารย์ แต่ลื่อทงปินกลับบอกอาจารย์จงหลีฉวนว่า ตัวเขาจะไม่ทลายนภา ทะลุมิติขึ้นสวรรค์ จนกว่าตัวเขาจะช่วยเหลือสรรพสัตว์จากกองทุกข์ได้หมดสิ้นแล้วนี่คือปณิธานพระโพธิสัตว์ของลื่อทงปิน............ในช่วงวัยฉกรรจ์ ผมก็เคยฝึกวิชาจินตนาการหนึ่งชั่วอายุคนของตนเองในชั่วเวลาแค่สิบห้านาที โดยสมมติว่าตัวเองมีอาชีพนี้ แล้วใช้ชีวิตแบบนั้นแบบนี้สมัยนั้นผมฝึกจินตนาการแบบนี้มาแล้ว นับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งถ้าเป็นยุคนี้ที่มีอินสตาแกรมยิ่งเป็นเรื่องง่ายมากที่จะฝึกจินตนาการชีวิตของคนดังทั่วโลกจากการตามส่องไอจีของพวกเขาผมผ่านชีวิตทางจิตใจของคนเก่งสาขาต่างๆหลายสิบหลายร้อยคน แล้วออกจากจินตนาการตื่นจากฝันเหล่านั้นอย่างตื่นรู้แต่ในที่สุดผมก็เลือกเป็นแบบที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้ และพอใจที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ตามปณิธานพระโพธิสัตว์ของตัวผมเองเหมือนอย่างท่านลื่อตงปิน............ฝันตื่นหนึ่งของผม : กรรมฐานในฝันในช่วงสามปีมานี้ ผมมักได้รับการถ่ายทอดวิชาทางจิตจาก "เบื้องบน" ผ่านสมาธิจิตและวิปัสสนาจิตอยู่เสมอ ... แบบว่าจิตมันรู้ของมันเอง ผุดขึ้นมาเองราวกับผ่านสัมผัสพิเศษก็ไม่ปานอย่างช่วงย่ำรุ่งของเช้าวันหนึ่ง ผมได้ฝันประหลาดอันเป็นมงคลยิ่งเมื่อคืนผมลองฝึกเคล็ด "กรรมฐานในฝัน" (Dream Yoga) ของซกเช็นที่เป็นวัชรยานสายทิเบต (ตามที่รับการถ่ายทอดมาจากการดลใจ)ในช่วงก่อนเข้านอนหลังจากเจริญวิปัสสนาฝึกกำหนดรู้ ตามรู้รูปนาม รู้กายใจต่อเนื่องได้พักใหญ่ก่อนล้มตัวลงนอนในช่วงหลับลึก ... วิถีจิตบอกว่าจิตเป็นภวังคจิตนานกว่าสองชั่วโมงไม่สามารถรับรู้อะไรได้ จึง"กำหนดรู้" อะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ไม่เหมือนช่วงที่ยังตื่นอยู่แต่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่นช่วงก่อนย่ำรุ่งต่างหาก ... ที่เราสามารถ "กำหนดรู้" ในความฝันได้ ถ้าจิตรู้ทันและมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะทำในความฝันช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่น ... ผมจึงกำหนดความฝันของตัวเอง โดยผมกำหนดจิตนั่งกรรมฐานในความฝันของตัวเอง และได้รับ "ปริศนาธรรม" ในความฝันให้พิจารณาปริศนาธรรมนั้นถามว่า"อะไรคือสภาวะบัวพ้นน้ำ? เจ้าจงตอบปริศนาธรรมข้อนี้ในฐานะนักปฏิบัติเถิด"ในฝันนั้น จิตผมตอบปริศนาธรรมข้อนี้ได้แทบจะในทันทีเลย ... คำตอบมันแจ่มแจ้งเหลือเกินในจิตผม.................ไม่ว่าเราจะเป็นอะไร ยังไม่สำคัญเท่ากับว่าเราทำอะไรเพราะสิ่งที่เราทำนั้นจะบ่งบอกความเป็นตัวเราได้ดีที่สุดเสมอเมื่อจิตนิ่ง เราจะพบจุดศูนย์กลางในตัวเอง (centering) ซึ่งจะเป็นตัวเชื่อมกับสิ่งสูงสุดในตัวเราได้จงให้สิ่งที่ดีที่สุดกับผู้อื่นเพราะมันจะกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเสมอเมื่อเรามีจิตปณิธานอันยิ่งใหญ่ พลังของเราจะเติบโตตามขนาดของปณิธานนั้นทันทีถ้าเราประกาศให้โลกรู้ว่าเราเป็นอะไร เราก็จะเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่คือ ความลับของฟ้าเนื่องเพราะการ 'เป็น' ของเราจะเริ่มต้นไปพร้อมๆกับการกระทำเพื่อเป็นสิ่งนั้นของเราเสมอ ... มิใช่ทำสิ่งนั้นสำเร็จแล้วถึงจะเป็นได้จงรู้ไว้ด้วยเถิดว่า พลันที่เราตั้งจิตปณิธานว่าจะเป็นอะไร ... เราก็ได้เป็นสิ่งนั้นตั้งแต่วินาทีนั้นแล้วจงยอมให้เรื่องเลวร้ายทั้งหมดเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติ หายนะทางเศรษฐกิจ สงคราม โรคระบาด รวมทั้งความล่มสลายทางจิตวิญญาณของผู้คนจำนวนมากเมื่อใดที่เรายอม เมื่อนั้นเราจะไม่กลัวเมื่อเราไม่กลัว เราจะไม่เจอมันเพราะคนที่จะเจอเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนั้น คือคนที่กลัวเนื่องจากพวกเขากลัว พวกเขาจึงได้เจอเรื่องที่ตัวเองกลัวพวกเขาไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ คือความกลัวที่พวกเขามโนหรือปรุงแต่งขึ้นมาในจิตใจของตัวเองต่างหากจงอย่าสร้างข้อจำกัดให้ตัวเองเพราะจะทำให้ผู้นั้นทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากดำรงชีวิตอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของตัวเองที่ตัวเองเป็นผู้สร้างขึ้นมาเองเท่านั้นด้วยความปรารถนาดีสุวินัย ภรณวลัย